ผมว่าจะทำเครื่องตั้งเวลาขาย แข่งกับจีน คิดว่าเป็นอย่างไรครับ

Started by sittikorn, May 28, 2015, 11:08:12 PM

Previous topic - Next topic

pcman

ช่องเดียวกับหลายช่องมีความแตกต่างเวลานำไปใช้งาน ช่องเดียวสะดวกในการติดตั้งถ้า load อยู่คนละที่ หลายช่องติดตั้งสะดวกถ้า load อยู่ที่เดียวกันแต่ไม่สะดวกถ้า load กระจาย  การทำ universal timer ที่จีนทำมาตอบโจทย์คำว่าเอนกประสงค์ ถ้าจะทำ universal timer แข่งกับจีนคงเหนื่อย ต้องหาข้อแตกต่าง เน้นเฉพาะงานที่ universal timer ยังเข้าไม่ถึง เช่น ตัวจับเวลาในห้องครัว หรือ ตัวจับเวลาโต๊ะสนุ้กเกอร์  ;)
Open Source Open your Heart

tha

เดี๋ยวปลายปีจีนจะลอยค่าเงินหยวน สินค้าของจีนมีสิทธิ์จะแพงขึ้น ถ้าเราทำของเราดีมีคุณภาพก็มีโอกาศขายได้

koonsai

ทำให้ดูดีกว่า เพิ่มระบบกันไฟกระชากเข้าไป  และรับประกันเรื่องไฟกระชากสูงสุด 1 แสน บาทอะไรแบบนี้ครับ ที่ทำงานผมซื้อของ Belkin ที่รับประกัน อุปกรณ์มีราคาแพงแตกต่างกัน ผมว่าการเพิ่มช่อง จริงๆ ทำเต็มที่ 3 port ก็ สวยแล้ว
ถ้าจะมากกว่านั้น เป็น 6 Port น่าจะเชื่อมต่อคอมได้เลย เป็น USB เป็น LAN ถ้าจะตั้งเวลาขนาดนั้น(ตั้งเยอะแบบนี้ หน้าจอเล็กๆมันสื่อสารยากครับ ) อุปกรณ์ที่ใช้คงมี ซีเคว้นมมากๆ  แล้วเอาไปทดลองกับระบบอะไรซักอย่าง หรือทำโมเดลไปเลยว่ามันสามารถประยุคได้ ผลิตภัณอาจจะได้ชื่อเสียงเพิ่มอีกตรงนี้

(ลองนึกขำๆนะครับ ถ้ามี 6 port แล้ว สามารถตั้ง ซีเคว้นในคอมได้ ไฟเปิดปิดไฟ สวยๆ 6 ชุด แล้วกลายเป็นจัดเวทีปาร์ตี้นี่ ผมว่า โปรเจคเรียกแมงมันเลยนะ)

แต่รวมๆ ขายแบบ port เดียวชิวๆไป อุ่นใจ ถ้าราคาไม่ทิ้งกันมาก แต่ผู้จำหน่วยรายย่อยได้กำไรมากกว่า (แบบว่า ราคาส่งเท่ากันแต่ราคาขายหน้าร้านสูงกว่า ) คนขายเชียร์ๆ ก็น่าจะติดตลาดขึ้นครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่รู้ราคาที่เค้ารับมาเท่าไหร่ เห็นราคาอาจจะสยองก็ได้

ปล. ถ้าชอบไอเดียผม รวยแล้ว ให้ค่าที่ปรึกษาผมด้วยนะครับ ฮิๆๆ


ruch

ทำยังไงให้ดูมีมูลค่าเพิ่มในตัวมันเองดีกว่าไม่ต้องไปแข่งเรื่องต้นทุนกับของจีนซึ่งเราสู้ไม่ได้อยู่แล้ว เช่น เพิ่มmodule wifi เข้าไป(esp8266 ราคาร้อยกว่าบาท) แต่สามารถเพิ่มมูลค่าให้สินค้าได้อีกหลายร้อยถึงเป็นพัน แล้วทำ application บน smart phone ในการตั้งค่าหรือ monitor ดูสถานะต่าง แล้วยังช่วยลดต้นทุนในส่วนของ hardware gui บนตัวเครื่องได้อีกด้วย อาจมี option วัดการใช้พลังงานให้ลูกค้าเลือก

sittikorn

ที่มาตั้งกระทู้นี้ สาเหตุมาจากสินค้าของจีนที่ละครับ
มันถูกก็จริง  แต่ปัญหาเยอะมาก เริ่มตั้งแต่

1.สั่งสินค้ามา จำนวน 100 ตัว
(เอาเข้ารายย่อยนะครับ) เสียค่าขนส่งในจีนจากร้านมาถึงโกดัง ที่รับฝากของ
2.ค่าขนส่งจากจีนมาไทยอีก
สองอย่างนี้ ต้นทุน อยู่ที่ 15-20 % จากราคาของ
3.ในจำนวน 100 ตัว เสียหายจาก การขนส่ง 1-5 ตัว
4.จากจำนวนที่เหลือ เอามา Test ใช้ไม่ได้อีก 1-5 ตัว
5.จากจำนวนที่เหลือขายไป ของตีกลับ จากการใช้งานไม่ได้ เปลี่ยนของให้ใหม่
  แล้วแต่ล็อต 10-15 ตัว
5.1 ระบบไม่ทำงาน
5.2 ทำงานค้าง
5.3 ไหม้
และอื่นๆอีกมากมาย

ทุกคนมองถึงแต่ราคามันถูกตอนที่ขาย แต่เบื้องหลังการขายมันไม่ถูก
การขายของจีนทุกวันนี้ ไม่มีใครเขาเข้าไปรับของจากยี่ปั้วแล้วละครับ
นำเข้าเองหมด มากน้อยแล้วแต่คนที่ขาย

pvic

   ถ้าอยากทำก็ทำเลยครับ ( เพราะอยากทำ )
   ถ้ายังไม่ไดทำอะไรจะไปรู้ได้ไงว่ามันจะขายได้หรือปล่าว ทำ Prototype ดีๆ ขึ้นมาซัก 2-3 ตัว
   แล้วเอาไปเสนอนายทุน อาจมีสิทธิ์ได้ลุ้น ( ถึงมันจะเลือนลางเต็มทีก็ตาม )

   ถ้าทำเล่นๆ ไม่กี่ตัวแล้วเอามาขายตาม web Board,Facebookเล่นๆ ขำๆ ก็ทำได้ครับ แต่อย่าไปหวังกำไร หรือความคุ้มค่า

   นาฬิกาตั้งเวลาจากจีน  ต้นทุนอยู่ในหลัก xx บาทแน่นอน ( ผลิตมาก ขายทั่วโลก )  รายเล็กถ้าจะทำแข่งไม่ไหวหรอกครับ

 
   - คนซื้อเขาไม่มอง """" เบื้องหลังการขายมันไม่ถูก """"" หรอกครับ ถ้าพ่อค้าขายได้ในราคานี้แสดงว่าเขายังมีกำไรอยู่

tatree_b

ทำแบบของศิลาฯ สิครับ ฟังค์ชั้่นเยอะๆ แปลกๆ  อาจใช้ TCXO , ต่อกับเน็ต , สามารถซิงโครนัสกับเครื่องอื่นเป็นเครือข่ายได้ , บอกข้างขึ้นข้างแรม และป้อนวันสำคัญของประเทศไทยหรืออื่นๆ  ฯลฯ แล้วให้ฝ่ายศิลป์ออกแบบรูปลักษณ์ให้ดี น่าจะฉีกตลาดเพิ่มมูลค่าได้ ที่สำคัญคุณภาพและความน่าเชื่อถือต้องไม่ละเลย เพราะเป็นหัวใจของการสร้างแบรนด์เลย


http://www.es.co.th/Schemetic/PDF/SILA-TMX1000.PDF


tape_ee

ทำราคาได้ใกล้เคียง แล้วออกแบบสวย ๆ หน่อย ขายได้แน่นอนครับ
คนใช้งานบ้านเราจะมองที่รูปลักษณ์ภายนอกเป็นหลัก คนทั่วไปเขาตัดสินงานแบบนี้ว่าดีหรือไม่ดีมาจากสวยไม่สวยประมาณ 90% ส่วนที่เหลือค่อยดูว่าใช้งานง่ายหรือเปล่าครับ